บทนำ
สำหรับในเรื่องของการร้องเพลง คนส่วนใหญ่อาจคิดว่าเป็นเรื่องที่ใครๆก็ทำได้ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แต่ว่ามันก็ไม่ได้ยากเกินความตั้งใจของเรา บางคนอาจคิดว่าการร้องเพลงก็แค่เปล่งเสียงแล้วร้องออกมาเป็นทำนอง อันนี้ก็จริง แต่ถ้าเจอเพลงที่มีโน๊ตสูงๆขึ้นมา หรือมีการร้องแบบแปลกๆ บางอย่างเราก็ไม่สามารถทำได้ และก็จะเกิดปัญหา เพราะเราไม่รู้ว่าทำยังไง เพราะนั่นมันคือเทคนิคในการร้องเพลง ต้องมีการศึกษาเรียนรู้ และวิธีการฝึกที่ถูกต้อง ถึงจะทำได้ หากเราร้องแบบผิดวิธี จะเป็นการทำลายเส้นเสียงของเราได้ ผู้ที่ฝึกร้องเพลงใหม่ๆมักจะเจอปัญหาต่างๆมากมายในการร้องเพลง เสียงไม่ถึงบ้าง ร้องเพี้ยนบ้าง ร้องไม่ตรงจังหวะบ้าง ร้องแล้วเสียงแตก เสียงแหบบ้าง เป็นต้น การร้องเพลงไม่มีวิธีลัด เสียงของเราทุกคนสามารถพัฒนาได้เรื่อยๆ หากมีการฝึกฝนที่ถูกต้อง เสียงจะมีการพัฒนาและมีคุณภาพมากขึ้น แม้ว่าคุณจะเป็นคนเสียงเพราะหรือไม่ก็ตาม อยู่ที่คุณมีเวลาให้กับการซ้อมแค่ไหน เราจึงได้นำเทคนิคต่างๆสำหรับการร้องเพลงเบื้องต้น และข้อแนะนำต่างๆในการร้องเพลง รวมถึงคำถาม หรือปัญหาต่างๆที่พบมากในการร้องเพลง มาแบ่งปันให้ทุกๆคนได้นำไปใช้ประโยชน์ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของการร้องเพลง และผู้ที่กำลังฝึกร้องเพลงอยู่ด้วย
คำถาม/ปัญหาต่างๆที่พบบ่อย ในการร้องเพลง
คำถาม/ปัญหาต่างๆที่พบบ่อย ในการร้องเพลง
เวลาร้องเพลง รู้สึกเหมือนเสียงสั่นๆ
ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร อยากทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด
ความตื่นเต้น เกร็ง เวลาร้องเพลงแล้วเกร็ง เส้นเสียงมันจะตึง ทำให้สั่นสะเทือนไม่ได้เต็มที่ - อีกอันหนึ่งก็คือ ลมที่ใช้บังคับให้เส้นเสียงสั่นสะเทือน ไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นต้องลองเช็คดูว่า ลมพอรึเปล่า หรือว่าร้องเกร็ง หากเพลงที่สูงเกินไป จะทำให้เกิดการเกร็งที่ลำคอได้ เมื่อเรารู้ว่าอะไรคือสาเหตุก็แก้ไขที่จุดนั้นๆ และ ความประหม่า ก็ทำให้เราสั่น
พอเราสั่นเส้นเสียงต่างๆในลำคอของเราจะเกิดการเกร็ง ทำให้เสียงเกิดการสั่นขึ้น
แต่เมื่อเราร้องบ่อยๆ ธรรมชาติของตัวเรา จะทำให้เสียงสมูทขึ้น ควรฝึกร้องเวทีบ่อยๆ
เพื่อให้ความตื่นเต้นลดลง สรุปคือ อาการตื่นเต้น ทำให้เส้นเสียงในลำคอเกร็ง
เมื่อเกร็งแล้วเส้นเสียงจึงเกิดการสั่นนั่นเอง
อยากทราบว่ารูปร่างของคนเรามีผลต่อการร้องเพลงหรือเปล่า
คนอ้วนมีผลต่อการร้องเพลงหรือไม่ ถ้ามี มีผลอย่างไรบ้าง
รูปร่างก็มีผลสำหรับการร้องเพลง เช่น
พวกนิโกลคนผิวดำ จะมีรูปร่างสูงใหญ่ ก็จะมีพลังในการร้องเพลงได้มาก
แต่คนเอเชียตัวเล็ก ก็จะมีพลังในการร้องเพลงได้น้อยกว่า พวกคนผิวดำ
การที่ต้องร้องเพลงในตอนเช้า มีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
การวอร์มเสียง อย่างง่ายๆ คือ การบับเบิล เป็นต้น
ร้องเพลงอย่างไรไม่ให้เพี้ยน
ข้อแรก ควรจะ ฟังเพลง เพลงที่คุณกำลังจะร้องคลอ
ถ้าไม่ฟังเพลงเลยแล้วจะรู้ได้ไงว่ามันเพี้ยนหรือเปล่า
เราจะไม่สามารถรู้ได้เลยเราจึงต้องฟังเพลง
ข้อที่สอง ต้อง "ฟังตัวเอง" แน่นอนว่าถ้ามัวแต่ฟังเพลง เสียงที่ตัวเองร้องไปไม่ได้ฟัง ก็จินตนาการณ์ไม่ออกว่าจะเอาเสียงอะไรไปเทียบอ่า
สรุปคือ เราต้อง "ฟัง" ไม่ใช่แค่ฟังเพลง หรือฟังเสียงตัวเอง แต่ต้องฟังทั้งสองอย่าง ถ้าทำได้สองอย่างนี้แล้วปัญหาเรื่องร้องเร็ว หรือ ช้ากว่าเพลง (หรือที่เรียกว่า ไม่ Sync) ไม่เกิดขึ้นแน่ ๆ
ข้อที่สาม เราต้อง "คิด" ในระหว่างที่ร้องคุณต้องลองเอาเสียงตัวเองมาเปรียบเทียบกับเสียงเพลงที่กำลัง บรรเลงอยู่ แล้วคิดว่ามันเข้ากันมั้ย ถ้าไม่เข้าก็ต้องปรับเสียงตัวเองให้เข้ากับเพลง
ข้อที่สอง ต้อง "ฟังตัวเอง" แน่นอนว่าถ้ามัวแต่ฟังเพลง เสียงที่ตัวเองร้องไปไม่ได้ฟัง ก็จินตนาการณ์ไม่ออกว่าจะเอาเสียงอะไรไปเทียบอ่า
สรุปคือ เราต้อง "ฟัง" ไม่ใช่แค่ฟังเพลง หรือฟังเสียงตัวเอง แต่ต้องฟังทั้งสองอย่าง ถ้าทำได้สองอย่างนี้แล้วปัญหาเรื่องร้องเร็ว หรือ ช้ากว่าเพลง (หรือที่เรียกว่า ไม่ Sync) ไม่เกิดขึ้นแน่ ๆ
ข้อที่สาม เราต้อง "คิด" ในระหว่างที่ร้องคุณต้องลองเอาเสียงตัวเองมาเปรียบเทียบกับเสียงเพลงที่กำลัง บรรเลงอยู่ แล้วคิดว่ามันเข้ากันมั้ย ถ้าไม่เข้าก็ต้องปรับเสียงตัวเองให้เข้ากับเพลง
หากเราทำตามนี้ได้
ก็จะสามารถแก้ปัญหาการร้องเพลงเพี้ยนได้
จังหวะในการร้องเพลงคืออะไร
มีความสำคัญอย่างไร
เป็นสิ่งที่ทำเป็นขั้นตอนเป็นสเตปซ้ำๆกัน เป็นแพทเทิล
ถ้าในเรื่องของการร้องเพลงก็จะหมายถึง การประสานกัน
ความกลมกลืนระหว่างเนื้อร้องกับดนตรี จังหวะเป็นหลักสำคัญมากในการร้องเพลง
ทำให้เพลงกับเนื้อร้องประสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้ฟังแล้วดูราบลื่น
การที่จะร้องเพลงได้อย่างถูกต้องตรงตามจังหวะก็จะต้องมาจากการฟังที่ดีก่อน
เก็บรายละเอียด จำจังหวะต่างๆ แล้วฝึกร้องควบคู่ตามไป
ทำจนชำนาญแล้วเราก็จะสามารถมีจังหวะที่ดีในการร้องเพลง
บางคนที่ชอบร้องเพลงค่อมคีย์นั่นล่ะคือไม่มีจังหวะ ควรแก้โดยการฟังเพลงให้มาก
บ่อยๆ และจำจังหวะเพลงให้ได้จนแม่น การเคาะเท้า หรือ ตบมือตามเพื่อตามจังหวะของเพลง
ก็ช่วยได้ เมื่อเราทำบ่อยๆ เราก็จะสามารถจับจังหวะของเพลงได้
และก็จะไม่ร้องเพลงค่อมจังหวะอีกต่อไป
เป็นคนเสียงต่ำจะร้องเพลงเสียงสูงได้ไหม
การร้องเพลง เสียงจะถูกกำหนดโดยสรีระร่างกายคนเราแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอยากจะเป็นคนอีกคนนึง มันก็ยาก แต่มันก็ไม่ถึงกับทำไม่ได้ จะต้องมีการฝึกฝนที่ถูกวิธี หายใจให้ถูกต้อง รูปปากถูกต้อง ค่อย ๆ Vocalize เสียงให้สูงขึ้น แต่ยังไงก็ตาม คนบางคนก็อาจจะไม่สามารถร้องได้ เพราะระดับของเสียงมันถูกกำหนดโดยสรีระร่างกาย เพราะฉะนั้นถ้าอยากร้องเพลงที่เสียงสูงมาก ก็อาจจะต้องลดคีย์ลงมาดีกว่า อย่าไปบังคับให้เสียงสูงขึ้นโดยการตะโกน มันจะทำให้เสียงเสีย
ร้องเพลงสมูทมากๆ คือเรียบหมดทั้งเพลง ไม่มีสูง-ต่ำ ทั้งๆที่รู้สึกว่าออกเสียงสูงต่ำชัด อาการคือ ร้องเสียงต่ำปั๊บ ล่มทันที คือร้องได้ แต่ว่าไม่ค่อยมีคีย์ เสียงสูง ก็สูงมากไม่ได้ เพราะเสียงขาดพลัง ลงต่ำไม่ค่อยได้ อยากได้คำแนะนำ
เป็นเสียงโมโนโทน คือร้องเสียงคีย์เดียวกันตลอด ปัญหาคงอยู่ที่ ear training คือปัญหาของการรับฟัง เพราะถ้าเรามีประสาทหูที่ดีเราจะรับฟังเสียงสูงและเสียงต่ำ แล้วก็สามารถทำตามได้จากสิ่งที่ได้ยิน เพราะฉะนั้น คงต้องเริ่มตั้งแต่ ear training ก่อน คือฝึกประสาทรับฟังที่ถูกต้องก่อน เพื่อจะได้จับเสียงสูง-เสียงต่ำ และความแตกต่างของเสียงได้ เนื้อเสียงดีก็ดีแล้ว แต่จริงๆสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างของการร้องเพลง คือประสาทรับฟัง
เป็นคนร้องเพลงเสียงแหบมาก แต่เวลาพูดเสียงก็ไม่ได้แหบ อยากทราบว่ามีวิธีแก้ไหม
การที่เสียงร้องแหบ เพราะว่า ใช้เสียงผิดช่อง เสียงจมลงไปในลำคอมากไปและเมื่อเกร็งคอมาก เสียงก็ยิ่งแหบมาก วิธีแก้ อย่างแรกพวกของเย็นๆทั้งหลายพยายามเลี่ยงหรืองดไปเลย และอาจต้องเปลี่ยนโทนเสียงในการร้อง ปรับให้แหลมขึ้นให้เสียงขึ้นมาอยู่บริเวณตรงกล้ามเนื้อใบหน้า ไม่ร้องบีบคอ พยายามให้เสียงพุ่งออกมา อ้าปากกว้างๆเวลาร้องเพลงเราต้องทำทุกวัน เป็นเดือนๆ จะเห็นผลว่าดีขึ้น หรือบางคนอาจจะหายไปเลยก็ได้
การร้องแบบธรรมชาติ เป็นอย่างไร
คือ การร้องเพลงให้เป็นเสียงเรา ไม่ไปดัดตามนักร้องคนอื่น เพราะมันจะไม่ใช่เสียงเรา วิธีก็ง่ายๆ ให้เราลองหยิบเนื้อเพลงที่จะร้องมาอ่านเป็นโทนเสียงของเรา เสร็จอล้ว เราก็ลองร้องเป็นเนื้อเพลงโดยใช้โทนเสียงเหมือนตอนเราพูดนั่นเอง นี่แหละคือเสียงธรรมชาติ คือเสียงของเราเองไม่ได้ไปก๊อบใครมา และเวลาร้องจะรู้สึกสบายเพราะเป็นธรรมชาติไม่ได้ดัด
มีคนบอกว่าเราร้องเพลงไม่เต็มเสียง ไม่มีพลัง อยากทราบว่าการร้องเต็มเสียงเป็นอย่างไร
การร้องเต็มเสียงคือเสียงเหมือนเสียงพูดปกติ คือ chest tone การที่เราร้องเต็มเสียงจะทำให้ดูมีพลังเสียง แต่ถ้าร้องไม่เต็มเสียงก็จะให้ความรู้สึกแผ่วๆ ไม่แข็งแรง เราต้องเลือกใช้ว่าท่อนไหนควรร้องเต็ม หรือท่อนไหนควรร้องแผ่ว เราต้องเข้าใจเนื้อเพลงก่อน แล้วเราสื่อสารอารมณ์เพลงได้ เราก็จะเลือกใช้เสียงได้อย่างถูกต้องว่าจะใช้เต็มตอนไหน หรือตรงไหนจะแผ่ว
เป็นคนเสียงต่ำจะร้องเพลงเสียงสูงได้ไหม
การร้องเพลง เสียงจะถูกกำหนดโดยสรีระร่างกายคนเราแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นอยากจะเป็นคนอีกคนนึง มันก็ยาก แต่มันก็ไม่ถึงกับทำไม่ได้ จะต้องมีการฝึกฝนที่ถูกวิธี หายใจให้ถูกต้อง รูปปากถูกต้อง ค่อย ๆ Vocalize เสียงให้สูงขึ้น แต่ยังไงก็ตาม คนบางคนก็อาจจะไม่สามารถร้องได้ เพราะระดับของเสียงมันถูกกำหนดโดยสรีระร่างกาย เพราะฉะนั้นถ้าอยากร้องเพลงที่เสียงสูงมาก ก็อาจจะต้องลดคีย์ลงมาดีกว่า อย่าไปบังคับให้เสียงสูงขึ้นโดยการตะโกน มันจะทำให้เสียงเสีย
ร้องเพลงสมูทมากๆ คือเรียบหมดทั้งเพลง ไม่มีสูง-ต่ำ ทั้งๆที่รู้สึกว่าออกเสียงสูงต่ำชัด อาการคือ ร้องเสียงต่ำปั๊บ ล่มทันที คือร้องได้ แต่ว่าไม่ค่อยมีคีย์ เสียงสูง ก็สูงมากไม่ได้ เพราะเสียงขาดพลัง ลงต่ำไม่ค่อยได้ อยากได้คำแนะนำ
เป็นเสียงโมโนโทน คือร้องเสียงคีย์เดียวกันตลอด ปัญหาคงอยู่ที่ ear training คือปัญหาของการรับฟัง เพราะถ้าเรามีประสาทหูที่ดีเราจะรับฟังเสียงสูงและเสียงต่ำ แล้วก็สามารถทำตามได้จากสิ่งที่ได้ยิน เพราะฉะนั้น คงต้องเริ่มตั้งแต่ ear training ก่อน คือฝึกประสาทรับฟังที่ถูกต้องก่อน เพื่อจะได้จับเสียงสูง-เสียงต่ำ และความแตกต่างของเสียงได้ เนื้อเสียงดีก็ดีแล้ว แต่จริงๆสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างของการร้องเพลง คือประสาทรับฟัง
เป็นคนร้องเพลงเสียงแหบมาก แต่เวลาพูดเสียงก็ไม่ได้แหบ อยากทราบว่ามีวิธีแก้ไหม
การที่เสียงร้องแหบ เพราะว่า ใช้เสียงผิดช่อง เสียงจมลงไปในลำคอมากไปและเมื่อเกร็งคอมาก เสียงก็ยิ่งแหบมาก วิธีแก้ อย่างแรกพวกของเย็นๆทั้งหลายพยายามเลี่ยงหรืองดไปเลย และอาจต้องเปลี่ยนโทนเสียงในการร้อง ปรับให้แหลมขึ้นให้เสียงขึ้นมาอยู่บริเวณตรงกล้ามเนื้อใบหน้า ไม่ร้องบีบคอ พยายามให้เสียงพุ่งออกมา อ้าปากกว้างๆเวลาร้องเพลงเราต้องทำทุกวัน เป็นเดือนๆ จะเห็นผลว่าดีขึ้น หรือบางคนอาจจะหายไปเลยก็ได้
การร้องแบบธรรมชาติ เป็นอย่างไร
คือ การร้องเพลงให้เป็นเสียงเรา ไม่ไปดัดตามนักร้องคนอื่น เพราะมันจะไม่ใช่เสียงเรา วิธีก็ง่ายๆ ให้เราลองหยิบเนื้อเพลงที่จะร้องมาอ่านเป็นโทนเสียงของเรา เสร็จอล้ว เราก็ลองร้องเป็นเนื้อเพลงโดยใช้โทนเสียงเหมือนตอนเราพูดนั่นเอง นี่แหละคือเสียงธรรมชาติ คือเสียงของเราเองไม่ได้ไปก๊อบใครมา และเวลาร้องจะรู้สึกสบายเพราะเป็นธรรมชาติไม่ได้ดัด
มีคนบอกว่าเราร้องเพลงไม่เต็มเสียง ไม่มีพลัง อยากทราบว่าการร้องเต็มเสียงเป็นอย่างไร
การร้องเต็มเสียงคือเสียงเหมือนเสียงพูดปกติ คือ chest tone การที่เราร้องเต็มเสียงจะทำให้ดูมีพลังเสียง แต่ถ้าร้องไม่เต็มเสียงก็จะให้ความรู้สึกแผ่วๆ ไม่แข็งแรง เราต้องเลือกใช้ว่าท่อนไหนควรร้องเต็ม หรือท่อนไหนควรร้องแผ่ว เราต้องเข้าใจเนื้อเพลงก่อน แล้วเราสื่อสารอารมณ์เพลงได้ เราก็จะเลือกใช้เสียงได้อย่างถูกต้องว่าจะใช้เต็มตอนไหน หรือตรงไหนจะแผ่ว
เทคนิคการร้องเพลง
การหายใจให้ถูกวิธี
การหายใจเร็วเกินไป หรือหายใจเยอะเกินไป เป็นการหายใจที่ผิด และทำให้เหนื่อยง่ายด้วย การหายใจที่ถูกต้องคือ หายใจทางปาก ไม่ต้องสูดลมเข้าไปเยอะ ให้สูดเบาๆ ลมจะผ่านเข้ามาที่ปอด และลงไปที่ท้อง หายใจ เข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ หน้าอกหรือไหล่ต้องไม่ยก การหายใจที่ถูกต้องจะรู้สึกสบายๆ ผ่อนคลาย การหายใจควรร้องให้จบประโยคแล้วค่อยหายใจ
ร้องเพลงให้มีพลังเสียง
ต้องใช้กระบังลมในการร้องเพลง เราต้องเปิดกระบังลมออก เสียงจะพุ่งออก มีการเกร็งหน้าท้อง เราจะมีที่เก็บลมมากขึ้น เมื่อกระบังลมเปิดออก เราจะสามารถร้องเพลงที่มีการลากโน๊ตยาวๆได้ ร้องเพลงได้นานกว่าใช้คอ ทำให้มีพลังที่ถูกขับออกมาจากกระบังลม ขึ้นมาที่กล่องเสียง เสียงที่ออกมาจะฟังดูมีพลังมากขึ้น ยิ่งเกร็งหน้าท้องเปิดกระบังลมมาก พลังเสียงยิ่งออกมามาก
การเพิ่มพลังเสียง
การฝึกเกร็งหน้าท้อง การออกกำลังกาย เช่น วิ่ง ซิตอัพ ว่ายน้ำ จะทำให้ปอด กระบังลมแข็งแรงมากขึ้น เมื่อเราฝึกเกร็งท้องบ่อยๆ และออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้พลังเสียงของเราเพิ่มขึ้น และการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพอีกด้วย
การร้องเพลงแบบไม่บีบคอ
การร้องบีบคอ คือ เป็นการเค้นเสียงบีบเสียงออกมาจากลำคอ เวลาร้องจะรู้สึกเจ็บคอ เมื่อขึ้นเสียงสูงๆ รู้สึกเหมือนตะโกน เสียงไม่พุ่ง รู้สึกเกร็ง ที่คอ ที่หน้า เป็นการร้องที่ผิดวิธี หากเราร้องแบบนี้ไปนานๆ จะเป็นการทำลายเส้นเสียงของเรา การร้องที่ถูกต้องคือ การร้องแบบเปิดคอ คือ ต้องอ้าปากกว้างๆ หายใจทางปาก ลมลงไปในปากผ่านเข้าท้องแล้วเกร็งท้องขับออกมาเสียงจะพุ่งออกมา และเสียงจะดังกว่า มีพลังกว่า เสียงที่ออกมาจะน่าฟังเสียงจะลอยๆ ไม่จมอยู่ในลำคอ อาจจะยังทำไม่ได้ในทีเดียวต้องค่อยฝึกให้ชิน และเราไม่ควรเลือกเพลงที่เสียงสูงเกินไป เพราะถ้าสูงมากไปเราจะต้องเค้นเสียงซึ่งเสียงที่ออกมาจะกระแทกไม่น่าฟัง เหมือนการตะโกนมากกว่า
เทคนิคการทำให้เสียงสูงขึ้น
การวอร์มเสียง ทุกๆวัน เราจะรู้สึกว่าเสียงเราสูงขึ้น และลงต่ำได้ เราต้องวอร์มเสียงทุกวัน 1 เดือนขึ้นไปจะเห็นผล เสียงจะแข็งแรงขึ้น สูงขึ้น อย่างชัดเจน เราต้องเปิดกระบังลม แล้วเราจะเก็บลมได้เยอะ เราจะลากเสียงได้ยาว การวอร์มเสียงทุกวันจะทำให้เรนจ์เสียงเรากว้างขึ้นนั่นเอง ที่สำคัญเราไม่ควรร้องแบบบีบคอ เราต้องรู้ลิมิตของเราก่อน ว่า เสียงเราสูงสุดแค่ไหน โดยไม่ต้องตะเบ็งเสียง และต่ำสุดแค่ไหน เมื่อเรารู้ลิมิตแล้ว เราก็ค่อยๆวอร์มเสียงไปเรื่อยๆทุกๆวัน แล้วจะเห็นผล
การร้องเพลงแบบมีลูกคอ
การจากการปล่อยลม อั้นลม ดังเบาๆ จะออกมาเป็นคลื่นเสียง อยู่ที่หางเสียงของคำร้อง เป็นการปล่อยลมมากน้อยสลับกันจึงออกมาเป็นคลื่นเสียง เรียกว่าลูกคอ หรือหางเสียงที่ดังเบาสลับกันเสียงเหมือนมีแอคโค ศิลปินที่ใช้ลูกคอเยอะๆ ส่วนใหญ่จะเป็นนักร้องลูกทุ่ง ความรู้สึกจะเหมือนการร้องเพลงแล้วขแม่วท้อง วิธีการฝึก เช่น ให้พูด อาอ้าอาอ้าอาอ้าอาอ้าอา สลับกัน เริ่มจากช้าไปเร็ว เมื่อทำบ่อยๆ จะมีลูกคอออกมา และจะสามารถดีไซน์ได้ด้วย
การร้องเพลงให้ไพเราะ
ต้องประกอบไปด้วยการเอาเทคนิคต่างๆมารวมกัน ต้องมีการหายใจที่ถูกต้อง ใช้เสียงให้ถูกช่อง โทนเสียงของเราสามารถพัฒนาได้ต้องมีการแบ่งช่วงให้ถูก สำหรับการหายใจ ควรจะร้องให้จบประโยคก่อนแล้วค่อยหายใจ ไม่หายใจกลางประโยคเพราะจะทำให้รู้สึกแปลกๆ พลังเสียงก็เป็นสิ่งสำคัญ การสื่ออารมณ์เพลง การตีความหมายเพลง ถ้าเราเข้าถึงเพลง ร้องให้คนอินกับเราได้ถือว่ามีคุณภาพมาก และจะเป็นเพลงที่เพราะมาก คนเสียงไม่ดีก็ร้องเพราะได้ เพียงแต่เราต้องมีการฝึก ไม่ท้อ เรามีพรแสวง มีความตั้งใจ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
ข้อแนะนำในการร้องเพลง
1.พยายามศึกษา และหาทางเรียนรู้เกี่ยวกับอวัยวะทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการร้องเพลง เช่น กล่องเสียง เส้นเสียง กระบังลม กล้ามเนื้อหน้าท้อง ฯลฯ
2 อย่าไปเรียนร้องเพลงกับคนที่เส้นเสียงเสีย ตำราฝรั่งเล่มหนึ่งบอกผมไว้ว่า ขนาดเสียงของครูผู้สอนยังเสียได้เลย แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไรว่าครูผู้สอนจะไม่ทำให้เสียงของเราเสียไปด้วย
3 ถ้าอยากเป็นนักร้องนำ อย่าพยายามร้องในกลุ่มนักร้องประสานเสียงบ่อยๆ เพราะอาจทำให้ระบบการฟังของเราเสียไป เนื่องจากเราต้องฟังคนเสียงอื่นมากๆ ซึ่งร้องกันคนละแนวกับเรา โดยไม่ได้พัก ทำให้เรางงไปหมด
4 ห้ามตะโกนแหกปาก พวกนักร้องร็อค ไม่รู้ว่าคอทำด้วยอะไร ถึงสามารถทำได้ขนาดนั้น สำหรับธรรมดาทั่วไป อย่าเลยเด็ยวตายเร็ว
5. ห้ามเด็ดขาดสำหรับการหันไปพึ่งยาเสพติด มันจะทำให้คุณรู้สึกดีแค่ชั่วครู่เท่านั้น มันทำให้คุณไม่ใช้คุณ
6. อย่าร้องเพลงทุกเพลงที่มีเสียงสูงหรือต่ำเกินขีดความสามารถของคุณ ควรเริ่มจากการฝึกเสียงที่คุณมีให้ดีก่อน แล้วหาครูแนะนำอย่างถูกต้อง ถ้าไม่ถึงจริงๆก็ยอมกิอน อย่าไปตะบี้ตะบันร้อง
7. ถ้าครูผู้สอนของคุณเป็นนักร้องชั้นยอด ลองพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาและวิธีการสอนของเค้าดูนะครับ ถ้าสอนดี ก็โอเคเลย แต่ถ้าสอนได้ไม่ดีให้คุณนึกถึงคำที่ผมบอกนะครับ "คนที่ร้องเพลงดี ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะสามารถถ่ายทอดวิชาการร้องเพลงให้คุณได้ดี" เพราะเชาผ่านจุดๆนั้นมานานแล้ว
8 เมื่อต้องขึ้นเวที อย่าใส่เสื้อผ้าที่หนาๆ เพราะแสงไฟบนเวทีน่ะ "ร้อนมาก" ยืนพักเดียวก็เหงื่อชุ่มแล้ว ร้อนขนาดนั้น คุณคงไม่มีกระใจจะร้องเพลงสักเท่าไหร่หรอก
9 หลายคนชอบพูดว่า ไม่สามารถร้องเพลงแต่เช้าได้ หรือร้องเพลงตอนดึกๆ ไม่ไหว เพราะเสียงไม่มา ผมมั่นใจว่า ไม่มีคำๆ นี้ในพจนานุกรมของ นักร้องที่ได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ยกเว้น วันนั้นมันดันพิเรนท์ นอนดึกเสียงเกินกว่าเหตุ ดื่มสุรา หรือไม่สบาย
10 เมื่อคุณต้องร้องเพลง จำไว้ว่า คุณต้องรู้ความหมายของบทเพลงนั้นๆ ทุกคำ ทุกความหมาย ร้องให้ได้อารมณ์ตามนั้น ที่สำคัญ คุณอย่าได้อารมณ์เพียงคนเดียวนะ ผู้ฟังต้องได้ยินเสียงคุณแล้วรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่คุณต้องการสื่อด้วย
11. อย่าไอแรงๆ หรือขากเสมหะแรงๆ เพราะอาจทำให้เส้นเสียงอักเสบได้ หากรู้สึกระคายคอจริงๆ ควรใช้วิธีกระแอมช่วยลดอาการระคายคอ
12 ไม่ควรสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ นอกจากทำให้คุณเป็นมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง ฯลฯ แล้ว มันยังทำลายเส้นเสียงของคุณอีกด้วย ถ้าไม่อยากให้เส้นเสียงพังเร็วก็เบาๆลงบ้าง หรือ เลิกเลยจะดีที่สุด
13. ถ้าหากเรามีเนื้อเสียงที่ฟังแล้วดูเพราะดี อาจไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นนักร้องได้ มันเป็นแค่พรสวรรค์ส่วนนึงเท่านั้นเอง
14. อย่าทำอะไรก็ตามที่ทำให้รู้สึกระคายเคืองต่อเส้นเสียง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้
15. อย่าใช้เสียงอย่างหนักในการร้องเพลง เกินสัปดาห์ละ 3 ครั้ง พักเสียงบ้างเถอะ หากคุณยังรักมันอยู่ และต้องการใช้มันนานๆ
16. ไม่ร้องเพลงด้วยเสียงที่ดังที่สุดของคุณเป็นเวลานานๆ
17. ดูแลรักษาช่องปากและฟันของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลมปากปอมสดชื่น เวลาคุณร้องเพลง
18. วิธีการรักษาเสียงของคุณอย่างง่ายๆ และได้ผล คือการนำผ้าชุบน้ำอุ่น มาประคบที่คอ เป็นเวลาประมาณ 19 นาที โดยช่วงนั้น คุณควรพักการใช้เสียงด้วย
19. การเรียนรู้วิธีการร้องเพลง และการใช้เสียงอย่างถูกต้อง ต้องใช้เวลาในการเรียน และการฝึกฝนเท่านั้น ไม่มีวิธีลัดใดๆทั้งสิ้น
20. การฝึกการร้องเพลง ควรฝึกอย่างช้าๆ ใจเย็นๆ อย่าคิดว่าการรีบร้อนฝึกหนักจะทำให้คุณเก่งในพริบตาได้ การฝึกซ้อมอย่างถูกต้อง พอดี และสม่ำเสมอทุกวัน ทำให้เสียงของเราค่อยๆพัฒนาไปอย่างมีระบบ
21. ถ้าการเรียนร้องเพลง หมายถึงการเรียนเทคนิคการใช้เสียงที่ถูกต้อง นั่นหมายถึงว่า เมื่อคุณเรียนร้องเพลง จะต้องได้รับความรู้และการฝึกฝน การใช้เสียงอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดอาการเจ็บคอ อันเนื่องมาจากการใช้เสียงมากเกินไป หรือผิดวิธี
22. พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในห้องแอร์นานาๆ ก่อนการขึ้นเวทีเพื่อร้องเพลง เพราะนอกจากหนาวแล้ว ความเย็นของอากาศ ทำให้ความชื้นในร่างกายของเราระเหยไป อาจทำให้รู้สึกคอแห้งได้ เพราะเราสูดเอาอากาศที่แห้งกว่าเข้าไป พร้อมกับปล่อยอากาศชื้นออกจากตัวเรา
23. พยายามอย่าดื่มน้ำเย็นมาก ไม่ดื่มเลยดีที่สุด เพราะมันทำให้เส้นเสียงเราหดตัวลง
24. อย่าฝึก หรือพยายามใช้ลูกคอ หากคุณไม่มั่นใจว่าคุณเป็นคนที่ร้องเพลงได้ดี และสามารถควบคุมเสียงได้ตรง pitch แล้วล่ะก็ อย่ารีบร้อนฝึกหัดการใช้ลูกคอ เพราะนั่น อาจทำให้คุณเป็นนักร้องที่ไม่ได้เรื่อง เพราะเสียงของคุณจะแกว่งไปมา ไม่ตรง pitch สิ่งที่คุณควรทำคือการฝึกควบคุมเสียงให้นิ่ง ตรง pitch เมื่อคุณชำนาญในการควบคุมเสียงแล้ว จึงควรฝึกการใช้ลูกคอ
25. ไม่ควรดื่มสุรา นอกจากทำให้คุณเป็นโรคตับแข็ง พิษสุราเรื้อรัง รวมไปถึงการที่คุณต้องเมาไม่เป็นท่าแล้ว การดื่มสุรา อาจทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณเส้นเสียงของคุณขยายมากจนเกินไป เมื่อใช้เสียงในช่วงเวลานั้น อาจทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นแตก และเกิดอาการเส้นเสียงอักเสบได้ เสียงก็จะไม่น่าฟังเพราะเสียงจะแตก
26. ห้ามให้ใครทำอะไรกับเส้นเสียงของคุณเด็ดขาด แม้กระทั่งหมอ คุณก็ห้ามให้เค้าทำอะไรกับเส้นเสียงของคุณเด็ดขาด เพราะคุณอาจไม่มีเสียง หรืออาจร้องเพลงไม่ได้อีกเลย ถ้าเส้นเสียงของคุณเป็นอะไรไป หมอก็เป็นคน โอกาสผิดพลาดมีได้เสมอ แต่เรื่องเสียงไม่ควรให้ใครมาทดลอง หากพลาด นั่นคือหายนะของคุณเลยล่ะ คุณไม่สามารถเอามันคืนมาดี้กแล้ว
27. อย่าเต้นไปร้องไปเป็นเวลานาน ถ้าคุณรู้จักไมเคิล แจ๊คสัน แล้วลองสังเกตุคอนเสิร์ทของเค้าทุกคอนเสิร์ท คุณจะรู้ว่าเค้าร้องสดเพียงไม่กี่เพลง นอกนั้นต้องร้องลิปซิงค์ เพราะการร้องไปเต้นไปเป็นเวลานานๆ ทำให้เสียงของคุณหมดไวผิดปกติ เพราะคุณต้องใช้ความสามารถสูงในการควบคุมลมหายใจ เมื่อคุณกังวลกับท่าเต้นมากๆ กังวลกับลมหายใจทุกเพลง นั่นละ เสียงของคุณจะไม่เป็นท่าก็เมื่อนั้น
28. พยายามเรียนรู้การร้องในแต่ละสไตล์ให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ยิ่งคุณรู้มากและทำได้มาก นั่นคือความสามารถเฉพาะตัวที่ยากจะหาใครเลียนแบบ
29. ร้องเพลงอย่างเดียวไม่พอแน่ ท่าทางคือสิ่งที่นักร้องหลายๆ คน แสดงออกมาอย่างไม่ได้เรื่อง ถ้าคุณร้องเพลงไปแล้วยืนตรงเหมือนคนเคารพธงชาติ คุณคิดว่าใครอยากจะมองคุณบ้าง ใช้หูเพื่อฟังคุณก็พอแล้วมั๊ง ถ้าคุณไม่อยากเป็นอย่างนั้น เริ่มต้นฝึกการใช้ลีลาท่าทางซะ อย่าคิดว่าขึ้นเวทีแล้วมันจะได้เอง จากประสบการณ์แล้วนั้น ผมไม่เคยพบใครแม้แต่คนเดียวที่สามารถทำอะไรได้ดี โดยไม่ได้มีการฝึกซ้อมไว้ก่อน บางคนฝึกไว้แล้ว 100% ยังทำได้แค่ไม่ถึง 80% เอง เพราะฉะนั้นจงซ้อมไว้สัก 120-150 % แล้วคุณจะร้องได้ดี 100% เลย ผมรับรอง
30. ทำความเข้าใจดนตรี คุณควรรู้ว่านักดนตรีต้องการสื่ออารมณ์อย่างไร ในบทเพลงที่คุณร้อง ลองฝึกฟังดนตรีเยอะๆ พยายามทำความเข้าใจอารมณ์ที่สื่อออกมาจากดนตรีแต่ละประเภท แต่ละแนวเพลง
31. รู้สึกเหมือนคอมีเสมหะตลอดเวลาเลย เรื่องแบบนี้แก้ไม่ยาก คุณสามารถล้างคอของคุณได้ ด้วยการดื่มน้ำอุ่น ผสมเกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมโซดา ทุกเช้า วิธีนี้ได้ผลดีเลยทีเดียว ในการกำจัดอาการระคายคอบ่อยๆของคุณออกไป
32. ฝึกการฟังเป็นประจำ ด้วยแบบฝึกหัดการฝึกฟัง การฟัง ทำให้คุณเป็นนักร้องที่ดีได้ เพราะถ้าคุณยิ่งแม่นยำในการฟังโน้ตเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถขึ้นร้องเพลงบนเวทีได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะร้องเพี้ยน
การร้องเพลงนั้นเราสามารถร้องได้ทุกคน แม้แต่คนที่คิดว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ คิดว่าเสียงไม่ดี จะสามารถร้องได้ไหม เป็นนักร้องได้ไหม จะฝึกได้ไหม จริงๆแล้วเราฝึกได้หมด ขอแค่มีความตั้งใจ พรสวรรค์ขอแค่ 10 เปอร์เซ็น พรแสวง 90 เปอร์เซ็น ถ้าเรามีพรแสวงตั้งใจฝึกฝนอย่างถูกวิธี พร้อมที่จะเรียนรู้ เราจะเป็นนักร้องที่มีคุณภาพได้แน่นอน เพียงแต่เราต้องฝึกซ้อม หากเรารู้เทคนิควิธีการทุกอย่างเลย แต่เราไม่มีเวลาซ้อม ก็ไร้ประโยชน์ จะไม่มีการพัฒนาแน่นอน ควรร้องเพลงทุกวัน วอร์มเสียงทุกวันวะนล่ะ ชม. จะทำให้พัฒนาเสียงได้จริงๆ ขอแค่เรียนรู้ถูกวิธี ขยันฝึกซ้อม ไม่มีวิธีลัด ต้องเป็นไปตามขั้นตอนเท่านั้นเอง
การหายใจเร็วเกินไป หรือหายใจเยอะเกินไป เป็นการหายใจที่ผิด และทำให้เหนื่อยง่ายด้วย การหายใจที่ถูกต้องคือ หายใจทางปาก ไม่ต้องสูดลมเข้าไปเยอะ ให้สูดเบาๆ ลมจะผ่านเข้ามาที่ปอด และลงไปที่ท้อง หายใจ เข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ หน้าอกหรือไหล่ต้องไม่ยก การหายใจที่ถูกต้องจะรู้สึกสบายๆ ผ่อนคลาย การหายใจควรร้องให้จบประโยคแล้วค่อยหายใจ
ร้องเพลงให้มีพลังเสียง
ต้องใช้กระบังลมในการร้องเพลง เราต้องเปิดกระบังลมออก เสียงจะพุ่งออก มีการเกร็งหน้าท้อง เราจะมีที่เก็บลมมากขึ้น เมื่อกระบังลมเปิดออก เราจะสามารถร้องเพลงที่มีการลากโน๊ตยาวๆได้ ร้องเพลงได้นานกว่าใช้คอ ทำให้มีพลังที่ถูกขับออกมาจากกระบังลม ขึ้นมาที่กล่องเสียง เสียงที่ออกมาจะฟังดูมีพลังมากขึ้น ยิ่งเกร็งหน้าท้องเปิดกระบังลมมาก พลังเสียงยิ่งออกมามาก
การเพิ่มพลังเสียง
การฝึกเกร็งหน้าท้อง การออกกำลังกาย เช่น วิ่ง ซิตอัพ ว่ายน้ำ จะทำให้ปอด กระบังลมแข็งแรงมากขึ้น เมื่อเราฝึกเกร็งท้องบ่อยๆ และออกกำลังกายเป็นประจำ จะทำให้พลังเสียงของเราเพิ่มขึ้น และการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพอีกด้วย
การร้องเพลงแบบไม่บีบคอ
การร้องบีบคอ คือ เป็นการเค้นเสียงบีบเสียงออกมาจากลำคอ เวลาร้องจะรู้สึกเจ็บคอ เมื่อขึ้นเสียงสูงๆ รู้สึกเหมือนตะโกน เสียงไม่พุ่ง รู้สึกเกร็ง ที่คอ ที่หน้า เป็นการร้องที่ผิดวิธี หากเราร้องแบบนี้ไปนานๆ จะเป็นการทำลายเส้นเสียงของเรา การร้องที่ถูกต้องคือ การร้องแบบเปิดคอ คือ ต้องอ้าปากกว้างๆ หายใจทางปาก ลมลงไปในปากผ่านเข้าท้องแล้วเกร็งท้องขับออกมาเสียงจะพุ่งออกมา และเสียงจะดังกว่า มีพลังกว่า เสียงที่ออกมาจะน่าฟังเสียงจะลอยๆ ไม่จมอยู่ในลำคอ อาจจะยังทำไม่ได้ในทีเดียวต้องค่อยฝึกให้ชิน และเราไม่ควรเลือกเพลงที่เสียงสูงเกินไป เพราะถ้าสูงมากไปเราจะต้องเค้นเสียงซึ่งเสียงที่ออกมาจะกระแทกไม่น่าฟัง เหมือนการตะโกนมากกว่า
เทคนิคการทำให้เสียงสูงขึ้น
การวอร์มเสียง ทุกๆวัน เราจะรู้สึกว่าเสียงเราสูงขึ้น และลงต่ำได้ เราต้องวอร์มเสียงทุกวัน 1 เดือนขึ้นไปจะเห็นผล เสียงจะแข็งแรงขึ้น สูงขึ้น อย่างชัดเจน เราต้องเปิดกระบังลม แล้วเราจะเก็บลมได้เยอะ เราจะลากเสียงได้ยาว การวอร์มเสียงทุกวันจะทำให้เรนจ์เสียงเรากว้างขึ้นนั่นเอง ที่สำคัญเราไม่ควรร้องแบบบีบคอ เราต้องรู้ลิมิตของเราก่อน ว่า เสียงเราสูงสุดแค่ไหน โดยไม่ต้องตะเบ็งเสียง และต่ำสุดแค่ไหน เมื่อเรารู้ลิมิตแล้ว เราก็ค่อยๆวอร์มเสียงไปเรื่อยๆทุกๆวัน แล้วจะเห็นผล
การร้องเพลงแบบมีลูกคอ
การจากการปล่อยลม อั้นลม ดังเบาๆ จะออกมาเป็นคลื่นเสียง อยู่ที่หางเสียงของคำร้อง เป็นการปล่อยลมมากน้อยสลับกันจึงออกมาเป็นคลื่นเสียง เรียกว่าลูกคอ หรือหางเสียงที่ดังเบาสลับกันเสียงเหมือนมีแอคโค ศิลปินที่ใช้ลูกคอเยอะๆ ส่วนใหญ่จะเป็นนักร้องลูกทุ่ง ความรู้สึกจะเหมือนการร้องเพลงแล้วขแม่วท้อง วิธีการฝึก เช่น ให้พูด อาอ้าอาอ้าอาอ้าอาอ้าอา สลับกัน เริ่มจากช้าไปเร็ว เมื่อทำบ่อยๆ จะมีลูกคอออกมา และจะสามารถดีไซน์ได้ด้วย
การร้องเพลงให้ไพเราะ
ต้องประกอบไปด้วยการเอาเทคนิคต่างๆมารวมกัน ต้องมีการหายใจที่ถูกต้อง ใช้เสียงให้ถูกช่อง โทนเสียงของเราสามารถพัฒนาได้ต้องมีการแบ่งช่วงให้ถูก สำหรับการหายใจ ควรจะร้องให้จบประโยคก่อนแล้วค่อยหายใจ ไม่หายใจกลางประโยคเพราะจะทำให้รู้สึกแปลกๆ พลังเสียงก็เป็นสิ่งสำคัญ การสื่ออารมณ์เพลง การตีความหมายเพลง ถ้าเราเข้าถึงเพลง ร้องให้คนอินกับเราได้ถือว่ามีคุณภาพมาก และจะเป็นเพลงที่เพราะมาก คนเสียงไม่ดีก็ร้องเพราะได้ เพียงแต่เราต้องมีการฝึก ไม่ท้อ เรามีพรแสวง มีความตั้งใจ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
การร้องเพลงให้เสียงก้องกังวาล
การที่จะร้องเพลงให้เสียงก้องกังวาลได้นั้น จะต้องไม่เกร็งคอ ควบคุมอารมณ์ของเสียงได้ เป็นเสียงที่มีความชัดเจน อิสระ นุ่มอบอุ่น ต้องมีการวอร์มเส้นเสียงและยืดเส้นเสียงบ่อยๆ ให้คอไม่เกร็ง ให้ร้องอออกมาเป็นธรรมชาติที่สุด เมื่อทำได้จนชำนาญแล้วเราจะเริ่มมีพลังเสียงที่มากขึ้น การที่จะทำให้เสียงก้องนั้นต้องใช้พลังเสียงเข้ามาช่วย ขึ้นอยู่กับว่าเพลงนั้น เสียงสูงต่ำแค่ไหน หลักการคือ ร้องให้ชัด ไม่ตะโกน ไม่เกร็ง อ้าปากให้กว้าง พยายามให้เสียงออกมาจากโพรงจมูก และ ตรงวงแก้ม ทุกสิ่งที่กล่าวมาต้องทำงานร่วมกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกของแต่ล่ะคนด้วย ถ้าฝึกบ่อยก็ชำนาญและเป็นเร็ว ถ้าไม่ค่อยฝึกก็จะช้าหน่อย แต่ทุกอย่าง ถ้าได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้
การที่จะร้องเพลงให้เสียงก้องกังวาลได้นั้น จะต้องไม่เกร็งคอ ควบคุมอารมณ์ของเสียงได้ เป็นเสียงที่มีความชัดเจน อิสระ นุ่มอบอุ่น ต้องมีการวอร์มเส้นเสียงและยืดเส้นเสียงบ่อยๆ ให้คอไม่เกร็ง ให้ร้องอออกมาเป็นธรรมชาติที่สุด เมื่อทำได้จนชำนาญแล้วเราจะเริ่มมีพลังเสียงที่มากขึ้น การที่จะทำให้เสียงก้องนั้นต้องใช้พลังเสียงเข้ามาช่วย ขึ้นอยู่กับว่าเพลงนั้น เสียงสูงต่ำแค่ไหน หลักการคือ ร้องให้ชัด ไม่ตะโกน ไม่เกร็ง อ้าปากให้กว้าง พยายามให้เสียงออกมาจากโพรงจมูก และ ตรงวงแก้ม ทุกสิ่งที่กล่าวมาต้องทำงานร่วมกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกของแต่ล่ะคนด้วย ถ้าฝึกบ่อยก็ชำนาญและเป็นเร็ว ถ้าไม่ค่อยฝึกก็จะช้าหน่อย แต่ทุกอย่าง ถ้าได้รับการฝึกฝนอย่างถูกวิธี จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้
ระดับเสียงร้อง
มี 3 ระดับ คือ- Chest voice คือเสียงที่สะท้อนอยู่ระดับหน้าอก หรือที่เรียกกันว่าเสียงต่ำ
เมื่อใช้เสียงระดับนี้หน้าอกจะสั่น ให้ตรวจสอบโดยการลองเอามือจับที่หน้าอกแล้วเปล่งเสียง
“เออ...หรือพูดคำว่า อึ่งอางตัวหย่ายยยย ” (ลากเสียงยาวๆทุ้มๆ) ถ้าหากหน้าอกสั่นๆ
แสดงว่าถูกต้องแล้ว แต่ถ้าหากยังไม่ถูกให้พูดไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าใช่แล้วคือแบบนี้นี่เองทำไม่ยาก
- Middle voice คือเสียงที่อยู่บริเวณโพรงแก้มและใบหน้า หรือที่เรียกทั่วไปว่าเสียงระดับกลาง
เวลาที่เราพูดกันปกติที่ใช่สนทนาก็จะเป็นเสียงระดับนี้ เมื่อใช้เสียงระดับนี้ให้เสียงอยู่ระดับใบหน้า
เมื่อใช้เสียงระดับนี้เสียงจะกังวาน และถ้าหากอยู่บริเวณโพรงแก้มจะทำให้เกิดความไพเราะมากยิ่งขึ้น
- Head voice คือเสียงสูง เสียงจะสะท้อนอยู่บริเวณโพรงกะโหลกศีรษะ
เสียงที่เปล่งออกมาจะแหลมเหมือนเสียงแม่มด เมื่อนำมาใช้ในการร้องเพลงจะเป็น
“เสียงหลบ” (เสียงหลบ คือเสียงที่เปล่งออกมาไม่เต็มเสียง / ครึ่งหนึ่งของเสียง)
ร้องเพลงให้เสียงพุ่ง
การ Project เสียง ถ้ามีเสียงที่พุ้งออกไป เราจะมีพลังที่ถูกผลักออกมา เราจะไม่ต้องตะโกน ต้องอ้าปากให้กว้าง เสียงจะดังฟังชัดเจน ต้องมีการเกร็งหน้าท้อง เพราะทำให้เนื้อเสียงมีน้ำหนักมากขึ้น ต้องคิดว่า เหมือนเราร้องเพลงให้คนข้างบ้านฟังเสียงก็ต้องดังและพุ่งไปให้เขาได้ยิน เสียงจะแน่นขึ้น
การร้องเสียงลม
เป็นการร้องไม่เต็มเสียงจะมีเสียงลมออกมาค่อนข้างเยอะ ควรทำเฉพาะบางคำ ไม่ควรทำทั้งเพลง เพราะcontrol เสียงค่อนข้างยาก และจะเหนื่อยเร็ว
การAdlip การเอื้อน
การเพิ่มตัวโน๊ตลงไปในเพลง หรือเรียกว่าการ Emprovise เช่น โวโฮ้ โวโฮ้ โว้โว เป็นการคิดโน๊ตขึ้นมาเอง
เช่น วง potato จะมีท่อนพวกนี้อยู่มาก อาทิ เพลง ปากดี รักแท้ดูแลไม่ได้ เป็นท่อน โวโว้โอ ทำนองนั้น หรือเรียกว่าเป็นการเอื้อนโน๊ตก็ได้
การวอร์มเสียงขั้นพื้นฐาน
วิธีการวอร์มเสียงง่ายๆ วอร์มสเกล เมเจอร์สเกล โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด หรือว่าเป็นอาเพ็จจิโอ โด มีซอล โด ซอล มี โด อะไรอย่างเนี้ย แล้วก็ค่อยไล่สเกลขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยได้ หรือว่าเป่าลม เป่าปาก ก็จะช่วยรีแล็กซ์กล้ามเนื้อที่ปาก ที่คาง ที่ขากรรไกรได้ อาจจะวอร์มร่างกายให้อบอุ่นด้วยอีกอย่างหนึ่งก็ดี
แบบฝึกหัดการวอร์มเสียงกับเปียโน ช/ญ ระดับต้น (ให้ฝึก 5 รอบ ในแต่ละรอบให้ร้องเป็นเสียง เอ อี อา โอ อู)
การเปิดช่อง คอ มีแบบฝึกหัดแนะนำ ดังนี้
1. พูดคำว่า "ฮ้า" ดังๆ 10 ครั้ง สังเกตขากรรไกรจะเปิดออกและค้าง
2. พูดคำว่า "ยำ-ยำ-ยำ-ยำ-ยำ" 5 ครั้ง ติดต่อกัน นึกว่าเสียเปียโน โด-เร-มี-เร-โด จะขึ้นเสียงทีละครึ่งเสียง รอบแรกร้อง ปากเปล่า รอบสอง วิ่งอยู่กับที่ 50 ครั้งพร้อมเปล่งเสียงพูด (ช่วยให้นักร้องควบคุมเสียงให้ นิ่งขึ้น เวลาที่ต้องร้องเพลงและเต้นรีวิวเพลงประกอบ เพราะต้องร้อง และเต้นในเวลาเดียวกัน)
3. วิธีการ "หาว" ครับ เป็นการเปิดช่องคอได้ดีอีกหนึ่งทาง ลองสังเกตตอนเราหาวๆหรือคนรอบข้างหาวนะครับ ปากจะเปิดกว้างที่สุดค
การร้องเสียงใส
การที่จะร้องเสียงใสเราต้องโฟกัสให้เสียงอยู่ตรงโพรงจมูก เสียงจะบางแหลม เป็นการเลือกใช้ช่องเสียงนั่นเอง เราต้องดูว่าเพลงไหนควรร้องใส ไม่ใช่ร้องได้ทุกเพลง อย่างเพลงร๊อคก็จะต้องใช้เสียงที่หนา หนักแน่น ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงใส วิธีก็ง่ายๆ ลองอ่านเนื้อเพลงโดยการปรับโทนเสียงให้แหลมๆ โฟกัสให้อยู่ตรงโพรงจมูก แล้วก็ร้องเหมือนโทนเสียงที่เราพูด เราสามารถปรับให้แหลม ทุ้ม หนา ได้หมด อยู่ที่เรา control มันนั่นเอง
มี 3 ระดับ คือ- Chest voice คือเสียงที่สะท้อนอยู่ระดับหน้าอก หรือที่เรียกกันว่าเสียงต่ำ
เมื่อใช้เสียงระดับนี้หน้าอกจะสั่น ให้ตรวจสอบโดยการลองเอามือจับที่หน้าอกแล้วเปล่งเสียง
“เออ...หรือพูดคำว่า อึ่งอางตัวหย่ายยยย ” (ลากเสียงยาวๆทุ้มๆ) ถ้าหากหน้าอกสั่นๆ
แสดงว่าถูกต้องแล้ว แต่ถ้าหากยังไม่ถูกให้พูดไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าใช่แล้วคือแบบนี้นี่เองทำไม่ยาก
- Middle voice คือเสียงที่อยู่บริเวณโพรงแก้มและใบหน้า หรือที่เรียกทั่วไปว่าเสียงระดับกลาง
เวลาที่เราพูดกันปกติที่ใช่สนทนาก็จะเป็นเสียงระดับนี้ เมื่อใช้เสียงระดับนี้ให้เสียงอยู่ระดับใบหน้า
เมื่อใช้เสียงระดับนี้เสียงจะกังวาน และถ้าหากอยู่บริเวณโพรงแก้มจะทำให้เกิดความไพเราะมากยิ่งขึ้น
- Head voice คือเสียงสูง เสียงจะสะท้อนอยู่บริเวณโพรงกะโหลกศีรษะ
เสียงที่เปล่งออกมาจะแหลมเหมือนเสียงแม่มด เมื่อนำมาใช้ในการร้องเพลงจะเป็น
“เสียงหลบ” (เสียงหลบ คือเสียงที่เปล่งออกมาไม่เต็มเสียง / ครึ่งหนึ่งของเสียง)
ร้องเพลงให้เสียงพุ่ง
การ Project เสียง ถ้ามีเสียงที่พุ้งออกไป เราจะมีพลังที่ถูกผลักออกมา เราจะไม่ต้องตะโกน ต้องอ้าปากให้กว้าง เสียงจะดังฟังชัดเจน ต้องมีการเกร็งหน้าท้อง เพราะทำให้เนื้อเสียงมีน้ำหนักมากขึ้น ต้องคิดว่า เหมือนเราร้องเพลงให้คนข้างบ้านฟังเสียงก็ต้องดังและพุ่งไปให้เขาได้ยิน เสียงจะแน่นขึ้น
การร้องเสียงลม
เป็นการร้องไม่เต็มเสียงจะมีเสียงลมออกมาค่อนข้างเยอะ ควรทำเฉพาะบางคำ ไม่ควรทำทั้งเพลง เพราะcontrol เสียงค่อนข้างยาก และจะเหนื่อยเร็ว
การAdlip การเอื้อน
การเพิ่มตัวโน๊ตลงไปในเพลง หรือเรียกว่าการ Emprovise เช่น โวโฮ้ โวโฮ้ โว้โว เป็นการคิดโน๊ตขึ้นมาเอง
เช่น วง potato จะมีท่อนพวกนี้อยู่มาก อาทิ เพลง ปากดี รักแท้ดูแลไม่ได้ เป็นท่อน โวโว้โอ ทำนองนั้น หรือเรียกว่าเป็นการเอื้อนโน๊ตก็ได้
การรักษาเสียงในการร้องเพลง
ถ้าหากจะร้องเพลง มีหน้าที่ในการร้องเพลงโดยตรง สิ่งสำคัญ คือ การดูแลเส้นเสียง หลอดลม ช่องลมของเรา หลักการทั่วไป คือ งด/ลด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ บุหรี่ หรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อปอดของเรา เพราะปอดเป็นสิ่งสำคัญในการร้องเพลง นักร้องส่วนใหญ่จะกินน้ำอุ่น น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง เพราะช่วยบำรุงเส้นเสียง และงดเหล้าเบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย
การวอร์มเสียงขั้นพื้นฐาน
วิธีการวอร์มเสียงง่ายๆ วอร์มสเกล เมเจอร์สเกล โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด หรือว่าเป็นอาเพ็จจิโอ โด มีซอล โด ซอล มี โด อะไรอย่างเนี้ย แล้วก็ค่อยไล่สเกลขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยได้ หรือว่าเป่าลม เป่าปาก ก็จะช่วยรีแล็กซ์กล้ามเนื้อที่ปาก ที่คาง ที่ขากรรไกรได้ อาจจะวอร์มร่างกายให้อบอุ่นด้วยอีกอย่างหนึ่งก็ดี
แบบฝึกหัดการวอร์มเสียงกับเปียโน ช/ญ ระดับต้น (ให้ฝึก 5 รอบ ในแต่ละรอบให้ร้องเป็นเสียง เอ อี อา โอ อู)
การเปิดช่อง คอ มีแบบฝึกหัดแนะนำ ดังนี้
1. พูดคำว่า "ฮ้า" ดังๆ 10 ครั้ง สังเกตขากรรไกรจะเปิดออกและค้าง
2. พูดคำว่า "ยำ-ยำ-ยำ-ยำ-ยำ" 5 ครั้ง ติดต่อกัน นึกว่าเสียเปียโน โด-เร-มี-เร-โด จะขึ้นเสียงทีละครึ่งเสียง รอบแรกร้อง ปากเปล่า รอบสอง วิ่งอยู่กับที่ 50 ครั้งพร้อมเปล่งเสียงพูด (ช่วยให้นักร้องควบคุมเสียงให้ นิ่งขึ้น เวลาที่ต้องร้องเพลงและเต้นรีวิวเพลงประกอบ เพราะต้องร้อง และเต้นในเวลาเดียวกัน)
3. วิธีการ "หาว" ครับ เป็นการเปิดช่องคอได้ดีอีกหนึ่งทาง ลองสังเกตตอนเราหาวๆหรือคนรอบข้างหาวนะครับ ปากจะเปิดกว้างที่สุดค
การร้องเสียงใส
การที่จะร้องเสียงใสเราต้องโฟกัสให้เสียงอยู่ตรงโพรงจมูก เสียงจะบางแหลม เป็นการเลือกใช้ช่องเสียงนั่นเอง เราต้องดูว่าเพลงไหนควรร้องใส ไม่ใช่ร้องได้ทุกเพลง อย่างเพลงร๊อคก็จะต้องใช้เสียงที่หนา หนักแน่น ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงใส วิธีก็ง่ายๆ ลองอ่านเนื้อเพลงโดยการปรับโทนเสียงให้แหลมๆ โฟกัสให้อยู่ตรงโพรงจมูก แล้วก็ร้องเหมือนโทนเสียงที่เราพูด เราสามารถปรับให้แหลม ทุ้ม หนา ได้หมด อยู่ที่เรา control มันนั่นเอง
ข้อแนะนำในการร้องเพลง
1.พยายามศึกษา และหาทางเรียนรู้เกี่ยวกับอวัยวะทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการร้องเพลง เช่น กล่องเสียง เส้นเสียง กระบังลม กล้ามเนื้อหน้าท้อง ฯลฯ
2 อย่าไปเรียนร้องเพลงกับคนที่เส้นเสียงเสีย ตำราฝรั่งเล่มหนึ่งบอกผมไว้ว่า ขนาดเสียงของครูผู้สอนยังเสียได้เลย แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไรว่าครูผู้สอนจะไม่ทำให้เสียงของเราเสียไปด้วย
3 ถ้าอยากเป็นนักร้องนำ อย่าพยายามร้องในกลุ่มนักร้องประสานเสียงบ่อยๆ เพราะอาจทำให้ระบบการฟังของเราเสียไป เนื่องจากเราต้องฟังคนเสียงอื่นมากๆ ซึ่งร้องกันคนละแนวกับเรา โดยไม่ได้พัก ทำให้เรางงไปหมด
***หมายเหตุ :
การร้องประสานเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนที่ชอบฝึกการร้องในแบบขั้นคู่
แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยฝึกได้การฟัง (Ear Training) ไม่ควรร้องในวงประสานเสียงบ่อยๆ เพราะอาจ
4 ห้ามตะโกนแหกปาก พวกนักร้องร็อค ไม่รู้ว่าคอทำด้วยอะไร ถึงสามารถทำได้ขนาดนั้น สำหรับธรรมดาทั่วไป อย่าเลยเด็ยวตายเร็ว
5. ห้ามเด็ดขาดสำหรับการหันไปพึ่งยาเสพติด มันจะทำให้คุณรู้สึกดีแค่ชั่วครู่เท่านั้น มันทำให้คุณไม่ใช้คุณ
6. อย่าร้องเพลงทุกเพลงที่มีเสียงสูงหรือต่ำเกินขีดความสามารถของคุณ ควรเริ่มจากการฝึกเสียงที่คุณมีให้ดีก่อน แล้วหาครูแนะนำอย่างถูกต้อง ถ้าไม่ถึงจริงๆก็ยอมกิอน อย่าไปตะบี้ตะบันร้อง
7. ถ้าครูผู้สอนของคุณเป็นนักร้องชั้นยอด ลองพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาและวิธีการสอนของเค้าดูนะครับ ถ้าสอนดี ก็โอเคเลย แต่ถ้าสอนได้ไม่ดีให้คุณนึกถึงคำที่ผมบอกนะครับ "คนที่ร้องเพลงดี ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะสามารถถ่ายทอดวิชาการร้องเพลงให้คุณได้ดี" เพราะเชาผ่านจุดๆนั้นมานานแล้ว
8 เมื่อต้องขึ้นเวที อย่าใส่เสื้อผ้าที่หนาๆ เพราะแสงไฟบนเวทีน่ะ "ร้อนมาก" ยืนพักเดียวก็เหงื่อชุ่มแล้ว ร้อนขนาดนั้น คุณคงไม่มีกระใจจะร้องเพลงสักเท่าไหร่หรอก
9 หลายคนชอบพูดว่า ไม่สามารถร้องเพลงแต่เช้าได้ หรือร้องเพลงตอนดึกๆ ไม่ไหว เพราะเสียงไม่มา ผมมั่นใจว่า ไม่มีคำๆ นี้ในพจนานุกรมของ นักร้องที่ได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ยกเว้น วันนั้นมันดันพิเรนท์ นอนดึกเสียงเกินกว่าเหตุ ดื่มสุรา หรือไม่สบาย
10 เมื่อคุณต้องร้องเพลง จำไว้ว่า คุณต้องรู้ความหมายของบทเพลงนั้นๆ ทุกคำ ทุกความหมาย ร้องให้ได้อารมณ์ตามนั้น ที่สำคัญ คุณอย่าได้อารมณ์เพียงคนเดียวนะ ผู้ฟังต้องได้ยินเสียงคุณแล้วรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่คุณต้องการสื่อด้วย
11. อย่าไอแรงๆ หรือขากเสมหะแรงๆ เพราะอาจทำให้เส้นเสียงอักเสบได้ หากรู้สึกระคายคอจริงๆ ควรใช้วิธีกระแอมช่วยลดอาการระคายคอ
12 ไม่ควรสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่ นอกจากทำให้คุณเป็นมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง ฯลฯ แล้ว มันยังทำลายเส้นเสียงของคุณอีกด้วย ถ้าไม่อยากให้เส้นเสียงพังเร็วก็เบาๆลงบ้าง หรือ เลิกเลยจะดีที่สุด
13. ถ้าหากเรามีเนื้อเสียงที่ฟังแล้วดูเพราะดี อาจไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นนักร้องได้ มันเป็นแค่พรสวรรค์ส่วนนึงเท่านั้นเอง
14. อย่าทำอะไรก็ตามที่ทำให้รู้สึกระคายเคืองต่อเส้นเสียง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอได้
2ถ้าหากต้องการหาที่เรียนร้องเพลง
ลองสอบถามดูว่าอาจารย์ที่จะมาสอนคุณเป็นใคร มีความเกี่ยวข้องและความสามารถ
ทางดนตรีและการร้องเพลงอย่างไร ดูชื่อเสียง เครดิตเป็นอย่างไร
ก่อนที่จะตัดสินใจเราต้องพิจารณาก่อน
15. อย่าใช้เสียงอย่างหนักในการร้องเพลง เกินสัปดาห์ละ 3 ครั้ง พักเสียงบ้างเถอะ หากคุณยังรักมันอยู่ และต้องการใช้มันนานๆ
16. ไม่ร้องเพลงด้วยเสียงที่ดังที่สุดของคุณเป็นเวลานานๆ
รู้จักถามให้มากที่สุด
เมื่อคุณเจอคนที่สามารถให้คำแนะนำคุณได้ในด้านการร้องเพลง
17. ดูแลรักษาช่องปากและฟันของคุณอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลมปากปอมสดชื่น เวลาคุณร้องเพลง
18. วิธีการรักษาเสียงของคุณอย่างง่ายๆ และได้ผล คือการนำผ้าชุบน้ำอุ่น มาประคบที่คอ เป็นเวลาประมาณ 19 นาที โดยช่วงนั้น คุณควรพักการใช้เสียงด้วย
19. การเรียนรู้วิธีการร้องเพลง และการใช้เสียงอย่างถูกต้อง ต้องใช้เวลาในการเรียน และการฝึกฝนเท่านั้น ไม่มีวิธีลัดใดๆทั้งสิ้น
20. การฝึกการร้องเพลง ควรฝึกอย่างช้าๆ ใจเย็นๆ อย่าคิดว่าการรีบร้อนฝึกหนักจะทำให้คุณเก่งในพริบตาได้ การฝึกซ้อมอย่างถูกต้อง พอดี และสม่ำเสมอทุกวัน ทำให้เสียงของเราค่อยๆพัฒนาไปอย่างมีระบบ
21. ถ้าการเรียนร้องเพลง หมายถึงการเรียนเทคนิคการใช้เสียงที่ถูกต้อง นั่นหมายถึงว่า เมื่อคุณเรียนร้องเพลง จะต้องได้รับความรู้และการฝึกฝน การใช้เสียงอย่างถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดอาการเจ็บคอ อันเนื่องมาจากการใช้เสียงมากเกินไป หรือผิดวิธี
22. พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในห้องแอร์นานาๆ ก่อนการขึ้นเวทีเพื่อร้องเพลง เพราะนอกจากหนาวแล้ว ความเย็นของอากาศ ทำให้ความชื้นในร่างกายของเราระเหยไป อาจทำให้รู้สึกคอแห้งได้ เพราะเราสูดเอาอากาศที่แห้งกว่าเข้าไป พร้อมกับปล่อยอากาศชื้นออกจากตัวเรา
23. พยายามอย่าดื่มน้ำเย็นมาก ไม่ดื่มเลยดีที่สุด เพราะมันทำให้เส้นเสียงเราหดตัวลง
ทำให้เกิดอาการหูเพี้ยนได้
24. อย่าฝึก หรือพยายามใช้ลูกคอ หากคุณไม่มั่นใจว่าคุณเป็นคนที่ร้องเพลงได้ดี และสามารถควบคุมเสียงได้ตรง pitch แล้วล่ะก็ อย่ารีบร้อนฝึกหัดการใช้ลูกคอ เพราะนั่น อาจทำให้คุณเป็นนักร้องที่ไม่ได้เรื่อง เพราะเสียงของคุณจะแกว่งไปมา ไม่ตรง pitch สิ่งที่คุณควรทำคือการฝึกควบคุมเสียงให้นิ่ง ตรง pitch เมื่อคุณชำนาญในการควบคุมเสียงแล้ว จึงควรฝึกการใช้ลูกคอ
25. ไม่ควรดื่มสุรา นอกจากทำให้คุณเป็นโรคตับแข็ง พิษสุราเรื้อรัง รวมไปถึงการที่คุณต้องเมาไม่เป็นท่าแล้ว การดื่มสุรา อาจทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณเส้นเสียงของคุณขยายมากจนเกินไป เมื่อใช้เสียงในช่วงเวลานั้น อาจทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นแตก และเกิดอาการเส้นเสียงอักเสบได้ เสียงก็จะไม่น่าฟังเพราะเสียงจะแตก
26. ห้ามให้ใครทำอะไรกับเส้นเสียงของคุณเด็ดขาด แม้กระทั่งหมอ คุณก็ห้ามให้เค้าทำอะไรกับเส้นเสียงของคุณเด็ดขาด เพราะคุณอาจไม่มีเสียง หรืออาจร้องเพลงไม่ได้อีกเลย ถ้าเส้นเสียงของคุณเป็นอะไรไป หมอก็เป็นคน โอกาสผิดพลาดมีได้เสมอ แต่เรื่องเสียงไม่ควรให้ใครมาทดลอง หากพลาด นั่นคือหายนะของคุณเลยล่ะ คุณไม่สามารถเอามันคืนมาดี้กแล้ว
27. อย่าเต้นไปร้องไปเป็นเวลานาน ถ้าคุณรู้จักไมเคิล แจ๊คสัน แล้วลองสังเกตุคอนเสิร์ทของเค้าทุกคอนเสิร์ท คุณจะรู้ว่าเค้าร้องสดเพียงไม่กี่เพลง นอกนั้นต้องร้องลิปซิงค์ เพราะการร้องไปเต้นไปเป็นเวลานานๆ ทำให้เสียงของคุณหมดไวผิดปกติ เพราะคุณต้องใช้ความสามารถสูงในการควบคุมลมหายใจ เมื่อคุณกังวลกับท่าเต้นมากๆ กังวลกับลมหายใจทุกเพลง นั่นละ เสียงของคุณจะไม่เป็นท่าก็เมื่อนั้น
28. พยายามเรียนรู้การร้องในแต่ละสไตล์ให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ยิ่งคุณรู้มากและทำได้มาก นั่นคือความสามารถเฉพาะตัวที่ยากจะหาใครเลียนแบบ
29. ร้องเพลงอย่างเดียวไม่พอแน่ ท่าทางคือสิ่งที่นักร้องหลายๆ คน แสดงออกมาอย่างไม่ได้เรื่อง ถ้าคุณร้องเพลงไปแล้วยืนตรงเหมือนคนเคารพธงชาติ คุณคิดว่าใครอยากจะมองคุณบ้าง ใช้หูเพื่อฟังคุณก็พอแล้วมั๊ง ถ้าคุณไม่อยากเป็นอย่างนั้น เริ่มต้นฝึกการใช้ลีลาท่าทางซะ อย่าคิดว่าขึ้นเวทีแล้วมันจะได้เอง จากประสบการณ์แล้วนั้น ผมไม่เคยพบใครแม้แต่คนเดียวที่สามารถทำอะไรได้ดี โดยไม่ได้มีการฝึกซ้อมไว้ก่อน บางคนฝึกไว้แล้ว 100% ยังทำได้แค่ไม่ถึง 80% เอง เพราะฉะนั้นจงซ้อมไว้สัก 120-150 % แล้วคุณจะร้องได้ดี 100% เลย ผมรับรอง
30. ทำความเข้าใจดนตรี คุณควรรู้ว่านักดนตรีต้องการสื่ออารมณ์อย่างไร ในบทเพลงที่คุณร้อง ลองฝึกฟังดนตรีเยอะๆ พยายามทำความเข้าใจอารมณ์ที่สื่อออกมาจากดนตรีแต่ละประเภท แต่ละแนวเพลง
31. รู้สึกเหมือนคอมีเสมหะตลอดเวลาเลย เรื่องแบบนี้แก้ไม่ยาก คุณสามารถล้างคอของคุณได้ ด้วยการดื่มน้ำอุ่น ผสมเกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมโซดา ทุกเช้า วิธีนี้ได้ผลดีเลยทีเดียว ในการกำจัดอาการระคายคอบ่อยๆของคุณออกไป
32. ฝึกการฟังเป็นประจำ ด้วยแบบฝึกหัดการฝึกฟัง การฟัง ทำให้คุณเป็นนักร้องที่ดีได้ เพราะถ้าคุณยิ่งแม่นยำในการฟังโน้ตเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถขึ้นร้องเพลงบนเวทีได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะร้องเพี้ยน
สรุป
การร้องเพลงนั้นเราสามารถร้องได้ทุกคน แม้แต่คนที่คิดว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ คิดว่าเสียงไม่ดี จะสามารถร้องได้ไหม เป็นนักร้องได้ไหม จะฝึกได้ไหม จริงๆแล้วเราฝึกได้หมด ขอแค่มีความตั้งใจ พรสวรรค์ขอแค่ 10 เปอร์เซ็น พรแสวง 90 เปอร์เซ็น ถ้าเรามีพรแสวงตั้งใจฝึกฝนอย่างถูกวิธี พร้อมที่จะเรียนรู้ เราจะเป็นนักร้องที่มีคุณภาพได้แน่นอน เพียงแต่เราต้องฝึกซ้อม หากเรารู้เทคนิควิธีการทุกอย่างเลย แต่เราไม่มีเวลาซ้อม ก็ไร้ประโยชน์ จะไม่มีการพัฒนาแน่นอน ควรร้องเพลงทุกวัน วอร์มเสียงทุกวันวะนล่ะ ชม. จะทำให้พัฒนาเสียงได้จริงๆ ขอแค่เรียนรู้ถูกวิธี ขยันฝึกซ้อม ไม่มีวิธีลัด ต้องเป็นไปตามขั้นตอนเท่านั้นเอง
ภาพบรรยากาศร้านจิงโจ้มิวสิค
ภาพบรรยากาศชมรม Rsu music
วีดีโอบรรยากาศร้านจิงโจ้มิวสิค
วีดีโอบรรยากาศชมรม Rsu music
บรรณานุกรม
อ้างอิงจากหนังสือ
ดวงใจ ทิวทอง อมาตยกุล วรรณคดีเพลงร้อง กรุงเทพมหานคร
บริษัท ธรรมดาเพรส จำกัด,2545
อาทร เตชะธาดา ดนตรีวิจักษ์ พิมพ์ครั่งที่2 กรุงเทพมหานคร
บริษัท รักษ์สิปป์ จำกัด,2529
ดวงใจ อมาตยกุล การขับร้องประสานเสียง กรุงเทพมหานคร
บริษัทธนาเพรส แอนด์ กราฟฟิค จำกัด,2545
บุคคลที่ไปสัมภาษณ์
จุมพล จันทราภรณ์ อาจารย์สอนร้องเพลง ที่ร้าน จิงโจ้ มิวสิค
สัมภาษณ์, 10 ตุลาคม 2558
กัณฑพจน์ ประยูรพันธ์ อาจารย์สอนร้องเพลง ที่ ชมรม Rsu music
สัมภาษณ์ 19 ตุลาคม 2558
ผมลองฝึกตามนี้ แล้วมันทำให้ผมร้องเพลงได้ดีขึ้นจริงๆครับ ร้องได้หลากหลายแนวมากขึ้นด้วย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะครับ ^ ^
ตอบลบ😊😊😊
ตอบลบHow to make money with online bookmakers
ตอบลบOnline bookmakers will offer งานออนไลน์ you a range of different ways to earn cash at online bookmakers. The money you will receive will be matched with your
What is a virtual reality casino? - Dr.MCD
ตอบลบVirtual reality 전라북도 출장샵 gaming is 파주 출장안마 coming to many US 김해 출장안마 cities, thanks to a partnership between Facebook and Facebook. The partnership is being led by Sep 나주 출장마사지 20, 2020 · Uploaded by Virtual Reality Institute 경산 출장샵